Gclub ทำความรู้จัก แบล็คแจ็คออนไลน์ อีกเกมพนันยอดฮิต

Gclub

Gclub แบล็คแจ็คออนไลน์

Gclub ทำความรู้จัก แบล็คแจ็คออนไลน์ อีกเกมพนันยอดฮิต

แบล็คแจ็ค 21 แต้ม หรืออาจเรียกว่าไพ่ป๊อก 21 เป็นเกมคาสิโนยอดฮิตของนักพนันมืออาชีพทั่วโลก สามารถสร้างรายได้เลี้ยงชีพได้ทุกวัน และเป็นเกมไพ่ที่มีผู้เล่นชนะเดิมพันมากที่สุด มีความเป็นไปได้ที่จะชนะเจ้ามือสูงกว่าเกมอื่นๆ เนื่องจากการตัดสินใจเรียกไพ่ขึ้นอยู่กับตัวของผู้เล่นเอง
เกมไพ่แบล็คแจ็คยังโด่งดังจากภาพยนตร์เรื่อง แบล็คแจ็คออนไลน์ 21 ที่สร้างจากเรื่องจริง โดยนักศึกษามหาวิทยาลัย M.I.T ใช้หลักการคำนวนสถิติและความน่าจะเป็นของไพ่ด้วยวิธีนับไพ่ และทำรายได้จากคาสิโนหลายล้านบาท

กติกาการเล่นแบล็คแจ็ค

จุดประสงค์ของแบล็คแจ็ค คือการทำให้ไพ่ที่ถืออยู่ในมือมีแต้มใกล้เคียง 21 แต้ม และมากกว่าแต้มไพ่เจ้ามือ ถ้ามีแต้มเท่ากับ 21 แต้ม จะเรียกว่า Blackjack แต่ถ้ามากกว่า 21 แต้ม จะเรียกว่า Bust หรือแพ้ทันที โดยกฏการเล่นมีดังนี้

1. แบล็คแจ็คสามารถใช้ไพ่ได้ตั้งแต่ 1 สำรับ ไปจนถึง 8 สำรับ (1 สำรับมีไพ่ 52 ใบ)
2. ไพ่ A นับแต้มเท่ากับ 1 หรือ 11, ไพ่ 2-9 นับแต้มตามหน้าไพ่, ไพ่ 10 – J – Q – K นับแต้มเท่ากับ 10
3. การนับแต้มจะนับรวมจากแต้มหน้าไพ่ 21 แต้มเป็นค่าสูงสุด เท่ากับ Blackjack โดยต้องมีไพ่ 2 ใบในมือ ได้แก่ A กับ 10 – J – Q – K
4. หลังวางเดิมพันแล้ว เจ้ามือจะแจกไพ่ให้ผู้เล่น 2 ใบและแจกให้ตัวเอง 2 ใบ จากนั้นดีลเลอร์จะเปิดไพ่ของตัวเองโชว์ 1 ใบ และคว่ำไว้อีก 1 ใบ
5. ถ้าเจ้ามือเปิดไพ่โชว์ของตัวเองเป็นไพ่ A (หมายถึงว่ามีสิทธิ์ได้แบล็คแจ็ค) จะมีการรับวางเดิมพันเพิ่มที่เรียกว่า Insurance (เดิมพันส่วนนี้ต้องไม่เกินครึ่งหนึ่งของเงินเดิมพันหลัก) ถ้าเจ้ามือได้แบล็คแจ็ค เงินเดิมพันส่วน Insurance จะได้ 2 เท่า ส่วนนี้ผู้เล่นสามารถเลือกวางเดิมพันหรือไม่ก็ได้
6. ถ้าวางเดิมพัน Insurance แล้วเจ้ามือได้แบล็คแจ็ค ผู้วางเดิมพัน Insurance จะได้เงินจากส่วน แต่ต้องเสียส่วนเงินที่วางเดิมพันตอนแรก
7. จากข้อ 6. ถ้าเจ้ามือได้แบล็คแจ็ค แล้วผู้เล่นถือไพ่ 21 แต้มอยู่ในมือ ส่วนเดิมพันตอนแรกจะถือว่าเสมอ ไม่ได้ไม่เสีย
8. การเริ่มเล่นแบล็คแจ็ค เจ้ามือจะเริ่มแจกไพ่ให้กับคนทางซ้ายมือของตัวเองก่อน แจกตามจำนวนผู้เล่นคนละใบ จบที่ตัวเจ้ามือเป็นคนสุดท้าย

ศัพท์ของการเล่นแบล็คแจ็คมีดังนี้

Stand : ผู้เล่นพอใจไพ่ 2 ใบที่อยู่ในมือจะไม่เรียกไพ่เพิ่ม
Hit : ผู้เล่นไม่พอใจไพ่ที่ถืออยู่ในมือ สามารถเรียกไพ่ได้เรื่อยๆ แต่ถ้าผลรวมของไพ่เกิน 21 แต้ม ผู้เล่นจะ Bust แพ้ทันที
Double : ผู้เล่นสามารถวางเดิมพันทบได้ แต่สามารถเปิดไพ่เพิ่มได้อีกเพียง 1 ใบเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผู้เล่นถือไพ่อยู่ในมือ 5 – 5 รวมกันได้ 10 แต้ม แล้วเรียก Double วางทบเป็น 2 เท่า รอลุ้นได้ไพ่แต้ม 10 จะได้เท่ากับ 20 แต้ม
Split : ถ้าผู้เล่นได้ไพ่คู่หรือไพ่แต้ม 10 จำนวน 2 ใบ สามารถแยกไพ่เล่นได้ เหมือนเพิ่มขาเล่นอีก 1 ขา เมื่อแยกไพ่แล้วก็เล่นตามปกติ
Surrender : ผู้เล่นสามารถยอมแพ้ได้ ถ้าไพ่ในมือ 2 ใบแรกไม่ดี แต่ไพ่ของเจ้ามือออกมาดี ผู้เล่นจะได้เงินคืนครึ่งหนึ่งจากที่วางเดิมพัน (ตรงนี้แล้วแต่โต๊ะที่ให้บริการด้วย)

9.เมื่อผู้เล่นจัดการไพ่ตัวเองเสร็จเรียบร้อยทุกคน ตาสุดท้ายจะเป็นเจ้ามือเล่น โดยเปิดไพ่อีก 1 ใบที่คว่ำไว้ ถ้าผลรวมต่ำกว่า 16 แต้ม เจ้ามือจะเรียกไพ่เพิ่ม
อีกกรณี ถ้าเจ้ามือมีไพ่ A และรวมกับไพ่อะไรก็ได้ที่ผลรวมเท่า 6 แต้ม (ไพ่ A มีค่าแต้ม 1 หรือ 11 แต้ม) เพราะฉะนั้นผลรวมจะเท่ากับ 11 + 6 = 17 เจ้ามือจะ Stand
10. ถ้าเจ้ามือเรียกไพ่แล้วมีแต้มเกิน 21 แต้ม ผู้เล่นทุกคนจะชนะเงินรางวัล
11. ถ้าไพ่เจ้ามือไม่เกิน 21 แต้ม ต้องมาวัดผลกันที่แต้มไพ่ว่าใครมากกว่ากัน
12. ถ้าผู้เล่นชนะเดิมพันที่แต้มไพ่มากกว่าจะได้เงินรางวัล 2 เท่า แต่ถ้าผู้เล่นชนะด้วยไพ่ 21 แต้ม หรือแบล็คแจ็ค ผู้เล่นจะได้เงินรางวัลเป็น 2.5 เท่า

อัตราการจ่ายของเกมแบล็คแจ็ค

มือที่ชนะ : 1 ต่อ 1
ประกัน (Insurance) : 2 ต่อ 1
ไพ่ 21 แต้ม : 3 ต่อ 2

อัตราการจ่ายของเกมข้างเคียง
คู่สีแดง/สีดำ : 6 ต่อ 1
คู่สี : 12 ต่อ 1
คู่ตัวเลข : 25 ต่อ 1

Tags: , , ,

Categorised in: